เที่ยวสมุทรสงครามสายกรีน กับ 9 จุดเช็กอินสุดปัง!
ทีม: Crazy Journeys
เที่ยวทริปนี้มันต้องพิเศษกว่าครั้งอื่น ๆ เอาใจคนรักสายเขียว พาไปเที่ยวแบบกรีน ๆ เที่ยวแบบรักษ์โลกและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครั้งนี้พวกเราจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปเที่ยวจังหวัดสมุทรสงคราม บอกเลยว่าจังหวัดนี้มันว้าวมาก และยังเดินทางง่าย ใกล้กรุงฯ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว อยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหน ก็ไปเที่ยวด้วยกันเลยจ้า ขนาดมือใหม่หัดกรีนแบบเรายังตกหลุมรักจังหวัดนี้เลย
เที่ยวสายกรีน หลงรักสมุทรสงคราม ตลอด 3 วัน 2 คืน เราจะพาไปเที่ยวไปลุยที่ไหนบ้าง ตามไปสนุกด้วยกันครับ
แพลนทริปสบาย ๆ ชิล ๆ กินเที่ยวพร้อมทำกิจกรรมสนุก ๆ ชมวิวธรรมชาติสวย ๆ และไหว้พระทำบุญ
เริ่มได้!!
Day 1
ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน
ร้านอาหาร ข้าวใหม่ปลามัน อัมพวา
Day 2
โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์
อุทยาน ร.2
ตลาดน้ำอัมพวา
Day 3
ตาลพวา คาเฟ่ (Tarnpawa)
วัดบางกุ้ง
สะพานแขวน วัดปากน้ำ
ที่พัก 2 คืน
Asita Eco Resort
รักจะเที่ยว…ต้องรักษ์โลกด้วย ก่อนอื่นเราต้องมาเตรียมตัวกันก่อน วันนี้เราจะมาบอก How to ให้มือใหม่หัดกรีนกัน เริ่มต้นที่การจัดกระเป๋าก่อนเลย ทำยังไงก็ได้ให้เบาที่สุด เอาแต่สิ่งของที่จำเป็นไปพอ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานให้ตัวเราเอง และอย่าลืมพกถุงผ้า แก้วน้ำส่วนตัวไปด้วย ไว้ใส่เวลาซื้อของฝากและใส่น้ำดื่มของตัวเอง ง่าย ๆ แค่นี้ก็ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้เยอะเลย เที่ยวสมัยนี้ต้องแบบคูล ๆ กันหน่อย เที่ยวแล้วต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ทำลายธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา สัมผัสวิถีชุมชนที่น่ารัก อุดหนุนสินค้าภายในชุมชน เพื่อช่วยสร้างงานและกระจายรายได้ให้ชุมชน เพียงแค่นี้ทุกคนก็สามารถเที่ยวแบบสายกรีนได้ พร้อมแล้วก็ไปสนุกกันได้เลย
DAY 1
มาเริ่มที่แรกกันก่อนเลย ที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน ชุมชนป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สวยงาม และมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำกัน ซึ่งเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นให้เรากับเพื่อน ๆ ได้เที่ยวแถมยังได้ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย แนะนำให้เตรียมชุดให้พร้อม งานนี้มีเละแน่นอน ฮ่า ๆ (แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ กางเกงขาสั้น ได้ทำกิจกรรมได้คล่องตัว) แดดเมืองไทยมันก็ร้อนมาก แต่ทำไรเราไม่ได้หรอก เพราะกิจกรรมสนุก ๆ แบบนี้ สู้ตาย
ที่นี่มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำเพียบ กิจกรรมมีให้ทำตลอดทั้งวัน รับรองสนุกและถูกใจสายลุยแน่นอน
– ล่องเรือชมป่าชายเลน เริ่มต้นก็ว้าวแล้ว วิวสวย ๆ 2 ชายฝั่ง ดูเพลินเลย มีน้องลิงออกมารับแขกกันเยอะเลย เราสามารถให้อาหารน้องลิงได้นะ น้อง ๆ น่ารักมาก ไม่ดุเลย เป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อมจริง ๆ ฮ่า ๆ
– ปลูกป่าชายเลน ชาวบ้านจะเตรียมต้นไม้ไว้ให้เราปลูก แต่ลงโคลนไปปลูกนั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะโคลนมันดูด เป็นประสบการณ์การปลูกป่าที่แปลกใหม่และสนุกดี ต้องมาลองกันนะ
– ถีบกระดานเลนหาหอยแครง ซึ่งเป็นวิถีชีวิตและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสมัยเก่า ที่ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์อะไรเลย เพราะใช้เพียงไม้กระดานแผ่นเดียวจริง ๆ ที่สามารถไถไปเรื่อย พออยู่บนโคลนแล้วลื่นสุด ๆ แค่มีกระดานมันทำให้เราไม่โดนโคลนดูดแล้วคือเริ่ด ไถหาหอยกันเพลิน ๆ เพิ่งรู้เลยนะว่าหอยที่เรากินมันหากันแบบนี้ ได้เรียนรู้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชน เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่สนุกมาก
– มาอีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาด นั่นคือเล่นสกีน้ำ เป็นกระดานโต้คลื่นใช้เรือลาก ดัดแปลงมาจาก
ไม้กระดานเก็บหอยแครงของชาวบ้านนั่นเอง อันนี้สนุกมาก โต้คลื่นกันไปเพลิน ๆ ลมเย็น ๆ สนุก ต้องไปลอง
– นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่บรรยากาศดี ๆ ให้นั่งชิลรับลมชมวิว จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ และขนม เพลินกันเลยล่ะ
ลุยกิจกรรมกรีน ๆ สนุกกันเต็มที่แล้วก็แวะพักเติมพลังกันหน่อยที่ร้านอาหาร ร้านข้าวใหม่ปลามัน อัมพวา ร้านอาหารบรรยากาศดีที่มีรางวัล Green Restaurant การันตีคุณภาพ แค่เห็นร้านก็ Eco สุด ๆ ล่ะ ร้านสร้างจากไม้ไผ่ทั้งหลัง ดีไซน์เก๋ ด้วยรูปทรงอาคารแปลกตา ด้วยฝีมือช่างชาวบ้านในชุมชนและไม่มีการใช้เหล็กหรือตะปูเลย ภูมิปัญญาล้วน ๆ อย่างสวย แถมอาหารที่นี่ยังใช้วัตถุดิบพื้นบ้านที่มีเฉพาะภายในพื้นที่ หาทานได้ยาก โดยรับซื้อวัตถุดิบโดยตรงจากชาวบ้าน วัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารจึงสดใหม่ ทำให้รสชาติอาหารอร่อยมาก อยากให้มาลอง และเศษอาหารที่เหลือจากภายในร้าน ที่นี่ก็ไม่ทิ้งนะเอาไปให้ชาวบ้านนำไปเลี้ยงปลาเลี้ยงปูต่อ แยกเปลือกหอยเปลือกกุ้งเอาไว้ไปเทเพื่อทำถนนใหม่ บอกเลยว่าทุกส่วนได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อโดยไม่ต้องทิ้ง นี่แหละเป็นแนวคิดที่ดีมากช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างสังคมที่ยั่งยืนด้วย
หลักจากอิ่มแล้วก็เข้าที่พักเลยกันเลย เพราะเย็นแล้ว ครั้งนี้พวกเราก็ได้เลือกพัก อสิตา อีโค รีสอร์ต ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสมุทรสงคราม เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น อยู่ในเขตอัมพวา ทำให้เดินทางสะดวกและใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อัมพวาเป็นเมืองที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบไทยริมน้ำได้อย่างมีเสน่ห์ ที่นี่จึงเป็นรีสอร์ต ท่ามกลางธรรมชาติ สายกรีนต้องมาเช็กอิน มีพื้นที่กว้างมาก มีห้องให้เลือกสองแบบ คือแบบบ้านเรือนไทย เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยริมน้ำที่เรียบง่ายแต่อบอุ่นสวยงาม โซนนี้สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ด้วยนะ และห้องพักแบบวิลล่าอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีเพียง 20 หลังเท่านั้น ระเบียงด้านหลังห้องติดลำคลองทุกหลัง รีสอร์ตตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะที่นี่ได้ใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่ทำเองเพื่อใช้ในที่พักโดยไม่ใช้สารเคมีเลย เช้า ๆ ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเลยนะ ตื่นเช้ามาก็มีใส่บาตรริมคลอง มีทำผ้าบาติก สอนโยคะออกกำลังยามเช้า ทำขนมพื้นบ้านอย่างข้าวโปร่งที่สามารถวาดลวดลายที่เราชอบลงไปได้ เป็นอีกหนึ่งที่พักที่ชอบมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และมีกิจกรรมให้ทำเยอะดี ใครมาเที่ยวอัมพวา แวะมาพักผ่อนเช็กอินกันนะครับ นอกจากที่พักที่นี่ยังมีคาเฟ่ริมน้ำ ร้านสวยมาก เครื่องดื่มอร่อย แนะนำเลยที่ Asita Eco Resort
DAY 2
วันที่ 2 เรามาเที่ยวกันแบบชิล ๆ บ้าง เริ่มต้นด้วยการพาไปโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ (มูลนิธิชัยพัฒนา) เป็นสวนผลไม้ดั้งเดิมที่ได้รับการถวายมาจากราษฎรถูกปรับปรุงสร้างสรรค์พื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตท้องถิ่น เป็นสถานที่พักผ่อน ที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งศึกษางานสาธิตและอบรมด้านการเกษตรในเขตอําเภออัมพวา อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ภายในมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านนวด และร้านค้าต่าง ๆ ให้เลือกชอป บอกเลยว่าเดินเพลินมาก ฮ่า ๆ
เวลาทำการ วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น.
วันศุกร์ เปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.00 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30 – 21.00 น.
แล้วพวกเราก็มาต่อกันที่ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2 เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.2) บุคคลสำคัญของไทยและของโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นพิพิธภัณฑ์อาคารทรงไทยจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไว้เป็นมรดกแก่ชาติ แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ขนมไทย พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา ลักษณะเป็นเรือนไทยหมู่ 5 หลัง ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 4 หลังแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น หอกลาง หอชาย หอหญิง และที่ใต้ถุนเรือนไทยมีสินค้าชาวบ้านมาขายราคาถูก มีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ เป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดและมีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง จำหน่ายพันธุ์ไม้ อุทยาน ร.2 เป็นสถานที่ที่มีความร่มรื่น เหมาะสำหรับเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศแบบไทยที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ อุทยานฯ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (หยุดทุกวันพุธ)ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ 60 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 034-751-666
เที่ยวกันมาทั้งวันแล้ว ปิดท้ายของวันนี้ พลาดไม่ได้กับตลาดน้ำอัมพวา ตลาดที่ทุกคนต้องรู้จัก ตั้งอยู่ริมคลองใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม เป็นตลาดน้ำที่เปิดในช่วงเย็นแห่งแรกของไทย ซึ่งต่างจากตลาดน้ำอื่น ๆ มีล่องเรือไหว้พระ ชมหิ่งห้อย ของกิน ของอร่อย ของฝากเพียบ! ตลาดน้ำอัมพวาเกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนและท้องถิ่นที่พยายามพลิกฟื้นตลาดน้ำอัมพวาในอดีตให้กลับมามีชีวิตเพื่ออนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำและด้วยเสน่ห์วิถีชีวิตแบบไทย ๆ ของบ้านเรือนสองริมฝั่งน้ำ การพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่มในคลองอัมพวาที่ยังคงความดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี ทำให้ตลาดน้ำอัมพวาแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ ตลาดน้ำจะเริ่มขายของประมาณสี่โมงเย็นไปจนถึงสี่ทุ่ม ทำให้เดินง่ายไม่ร้อนเหมาะแก่การเดินเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ทั้ง อาหาร ผัก ผลไม้ ขนมไทย ของใช้ต่าง ๆ ที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายทั้งทางเรือและบนบก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักกินเลยทีเดียว พวกเราก็ไม่พลาดที่จะไปหาของกินอร่อยกันที่นี่ บอกเลยว่าน่ากินทุกร้านเลย
DAY 3
วันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวคาเฟ่สุดชิค ตาลพวา (Tarnpawa) คาเฟ่บรรยากาศบ้านสวน นั่งชิล ริมคลองท่ามกลางสวนมะพร้าวคือเก๋มาก มีสะพานไม้พาดผ่านร่องน้ำกลางสวน สามารถมานั่งห้อย นอนเปลชิล ๆ ได้ มีทั้งเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลายแบบ ส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในพื้นที่จากในสวนโดยเฉพาะมะพร้าวจากต้นที่ให้ร่มเงาเราในสวนนี่เอง ภาชนะใส่อาหารเน้นวัสดุธรรมชาติย่อยสลายง่าย
ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอัมพวาสุด ๆ บรรยากาศที่นี่ชิลเป็นกันเอง และอบอุ่นเหมือนมาเที่ยวสวนบ้านเพื่อนเลยล่ะ ใครไปเที่ยวอัมพวาก็แวะไปเช็กอิน ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจกันนะ
เปิดบริการ
วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 09:00 – 18:00 น.
วันศุกร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09:00 – 19:00 น.
โทร. 084-229-2895
มาอัมพวาทั้งทีก็แวะไปไหว้พระทำบุญกันที่ วัดบางกุ้ง กันหน่อย เป็นวัด Unseen Thailand มาก ด้วยความเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ จุดเด่นคือ โบสถ์ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา แบบวัดไทยทั่ว ๆ ไป แต่มีรากไม้ช่วยยึดให้โบสถ์ยังคงรูปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ โบสถ์ปรกโพธิ์ของวัดถูกต้นไม้ใหญ่ 4 ชนิดปกคลุมอยู่ ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง ถือเป็นโบสถ์ในต้นไม้แห่งเดียวในประเทศไทย และคาดว่าน่าจะมีอายุราว 200 กว่าปีเลยทีเดียว และบริเวณหน้าโบสถ์มีลวดลายพันธุ์พฤกษา ประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีความเก่าแก่ สวยงามมาก มาเที่ยวอัมพวาแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเติมบุญกันที่วัดนี้นะครับ
และที่สุดท้ายของทริปนี้ เราจะพาทุกคนไปรับลมชมวิวสวย ๆ ถ่ายรูปเล่นกันที่สะพานแขวน วัดปากน้ำ ตั้งอยู่วัดในวัดปากน้ำ ริมแม่น้ำอัมพวา เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำ สามารถขึ้นไปเดินเล่นบนสะพานถ่ายภาพได้ เป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม บอกเลยว่าแสงเย็นคือสวยมาก บริเวณรอบ ๆ วัดร่มรื่น บรรยากาศดีเพราะติดริมน้ำ เหมาะกับการพักผ่อน ไหว้พระ ทำบุญเสริมสิริมงคลกัน ถือว่าเป็นการจบทริปที่สนุก แฮปปี้ ครบรสไปเลย
ตลอด 3 วัน 2 คืน กับการมาเยือนจังหวัดสมุทรสงคราม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สวยงาม ไม่ควรพลาด! ต้องมาเยือน และจังหวัดนี้ยังมีที่เที่ยวและธรรมชาติสวย ๆ อีกเยอะมาก อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ลองมาสัมผัสดูสักครั้ง เป็นมือใหม่หัดกรีน ที่เที่ยวแบบรับผิดชอบ ใส่ใจกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่เป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ฝ่าย ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและรักษาที่เที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ แค่นี้ก็ทำให้พวกเราได้ทั้งความสนุกและสุขใจมาก แล้วไปหลงรักสมุทรสงครามด้วยกันครับ