logo

Proin gravida nibh vel velit auctor aliquet. Aenean sollic itudin, lorem quis bibendum auctornisi elit consequat ipsum, nec nibh id elit. Lorem ipsum dolor.

Latest Posts
Top
Image Alt

เที่ยวนครพนม คนเดียว 3 วัน 2 คืน แบบไม่มีรถส่วนตัว X รายละเอียดการเดินทาง X ค่าใช้จ่ายตลอดทริป

เที่ยวนครพนม คนเดียว 3 วัน 2 คืน แบบไม่มีรถส่วนตัว X รายละเอียดการเดินทาง X ค่าใช้จ่ายตลอดทริป

ทีม: ยิ้มแบกเป้เที่ยว

ก่อนเดินทางก็ต้องจัดกระเป๋ากันหน่อย
ทริปเราจะไปใช้ชีวิตแบบกรีน ๆ ของใช้ก็ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสักหน่อย
ไม่ว่าจะเป็น แก้วสแตนเลส Stanley, กระเป๋าคาดอก Rubber killer (ใส่ Drone, Gopro และกระเป๋าตังค์),
ถุงผ้าใส่สัมภาระขนาดเล็ก (ใส่แปรงสีฟัน ยาสีฟันและกางเกงใน) ขาตั้งกล้อง (เอาไว้ตั้งถ่ายตัวเอง)
กระเป๋าเก็บสัมภาระทั้งหมด (ความจุ 25 กิโลกรัม)

วันที่ 1
08.30 น. – 09.45 น. สนามบินดอนเมือง – สนามบินนครพนม
ในช่วงสายของวันหนึ่ง ผมเดินทางจากสนามบินดอนเมืองมาลงที่สนามบินนครพนม

จากนั้นก็มาซื้อตั๋วรถตู้เพื่อเดินทางเข้าตัวเมืองนครพนม ราคาคนละ 100 บาท

10.00 น. – 10.20 น. สนามบินนครพนม – ลานพญาศรีสัตตนาคราช

จากสนามบินนครพนมมายังลานพญาศรีสัตตนาคราช
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือเพื่อน ๆ ท่านใดจะให้พี่คนขับไปส่งยังที่พักก็ได้นะ
10.20 น. – 10.50 น. ลานพญาศรีสัตตนาคราช

ผมมาถึงหน้าบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ก็ไม่รอช้าที่จะมาไหว้ขอพรพญาศรีสัตตนาคราช บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง

ที่มีความเชื่อว่า ถ้าใครได้มาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช จะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจหวัง

ทำให้ที่แห่งนี้เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาดแวะมากราบไหว้ขอพร

หลังจากนั้นผมเดินมาเช่าจักรยาน ตรงด้านข้างตลาดอินโดจีน ผมเช่าครึ่งวัน ราคา 80 บาท

มาเมืองนี้ทั้งที ต้องบอกเลยว่าการปั่นจักรยานเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ๆ เพราะแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง และมีการแบ่งเลนให้จักรยานปั่น

เพื่อลดอุบัติเหตุจากการร่วมใช้ถนน แถมจักรยานไม่เป็นมลพิษกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยนะ ตรงกับแนวคิดมือใหม่หัดกรีน สุด ๆ ไปเลย

11.00 น. – 12.00 น. หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์/ กำแพงปูนนครพนม

ที่แรกที่ผมปั่นมาอยู่ไม่ไกลจากร้านเช่าจักรยานคือ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เป็นหอนาฬิกาที่สร้างโดยชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนม

เพื่อเป็นที่ระลึกก่อนย้ายกลับเวียดนามตามท่านโฮจิมินห์ หลังชนะสงครามภายในประเทศ เมื่อสมัยฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเดียนเบียนฟู

สร้างเมื่อ พ.ศ.2503 โดยชาวเวียดนามที่ลี้ภัยมาอาศัยในนครพนมได้ร่วมกัน สร้างหอนาฬิกาขึ้นเพื่อระลึกถึงไมตรีจิตของคนไทย

ถัดจากหอนาฬิกาไม่ไกล ผมมาถ่ายรูปกับป้ายชื่อจังหวัดนครพนม
ที่อยู่บนกำแพงปูนอิฐบ้านเรือนเก่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลย
ยิ่งช่วงกลางวันไม่มีคนเลย

ผมก็เลยจัดไปหนึ่งภาพเป็นที่ระลึก

13.00 น. – 14.00 น. พักกายาเกสต์เฮาส์

หลังจากนั้นผมปั่นจักรยานมาเช็กอินที่พัก เก็บสัมภาระก่อน
ผมพักที่พักกายาเกสต์เฮาส์ เป็นที่พักสไตล์มินิมอลเรียบง่าย ใกล้ ๆ กับแม่น้ำโขง

ราคาห้องพัก วันธรรมดา วันอาทิตย์ 590 บาท
วันศุกร์ วันหยุด และคืนก่อนวันหยุดต่าง ๆ ราคา 690 บาท

ที่พักสุด Eco ตกแต่งโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ผสมผสานกับความเรียบง่ายมินิมอล โดยโทนห้องเป็นโทนขาว น้ำตาล เสมือนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

14.10 น. – 14.20 น. กาแฟสดรถตู้

เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางเที่ยวกันสักที
ไม่ไกลจากที่พักตรงบริเวณริมแม่น้ำโขง

ผมมาแวะดื่มนมดับกระหายที่ร้านกาแฟสดรถตู้พร้อมนั่งชมวิวทิวทัศน์
กับไวท์มอลต์ ทีเด็ดของร้านนี้เลย ในราคาแก้วละ 40 บาทเท่านั้นเอง

14.40 น. – 14.50 น. หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม

ที่นี่คือหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยมาก

เป็นอาคารเก่าแก่สีเหลืองสวยงามที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยผสมกับสถาปัตยกรรมยุโรป
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2458 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

14.50 น. – 15.10 น. โบสถ์นักบุญอันนา

ปั่นจักรยานมาประมาณ 5 นาที
ผมก็มาถึงโบสถ์นักบุญอันนา

เป็นโบสถ์คริสต์แห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2469
และถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย

ใกล้ ๆ กับโบสถ์ มีอาคารไม้เก่าสีเหลืองขาว
ผมก็ไม่ทราบนะว่าที่นี่คืออาคารอะไร แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงามมาก ๆ

15.20 น. – 16.00 น. 76A The Space

76A The Space (76 เอ เดอะ สเปซ) เป็นคาเฟ่บนถนนสุนทรวิจิตร

โดดเด่นด้วยอาคารเก่าแก่สไตล์เวียดนามอายุมากกว่า 100 ปี
ที่รีโนเวทใหม่โดยเก็บโครงสร้างเดิมไว้ทั้งหมด ทำให้ตัวคาเฟ่มีเสน่ห์สุด ๆ

16.00 น. – 17.00 น. ปั่นจักรยานริมฝั่งแม่น้ำโขง

หลังจากนั้นผมก็ปั่นจักรยานกลับไปที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช
พร้อมกับชมบรรยากาศริมแม่น้ำโขง

ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก ๆ เป็นหนึ่งความประทับใจของวันนี้เลย
ยิ่งมีลมเย็น ๆ กระแทกหน้าอย่างฟินเลยล่ะทุกคน

จากนั้นผมก็เอาจักรยานมาคืนที่ร้านในเวลา 17.30 น.
แล้วไปเดินเล่นหาของกินที่ถนนคนเดิน

17.30 น. – 19.30 น. ถนนคนเดินนครพนม

ถนนคนเดินนครพนม (Mekong Walking Street)
เริ่มตั้งแต่ลานศรีสัตตนาคราช ไปสิ้นสุดบริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
เปิดทุกวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ เวลาประมาณ 16.30 น. เป็นต้นไป

ซึ่งช่วงที่ผมไปถือว่าคนค่อนข้างน้อย อาจจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด

ข้าวจี่ อาหารถิ่นของผู้คนทางฝั่งภาคอีสาน ที่หากินได้ยากมากในกรุงเทพ จัดไป 1 ชิ้น

ระหว่างทางกลับที่พัก ทุกคนสามารถมาถ่ายป้ายไฟ
ตรงบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราชได้นะ สวยงามมาก

วันที่ 2

11.30 น. – 12.30 น. พักกายาเกสต์เฮาส์ – พระธาตุพนมวรมหาวิหาร

ในเช้าวันที่ 2 ผมตั้งใจไปพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สามารถรอขึ้นรถตู้ตรงข้ามวัดโพธ์ศรีหรือบริเวณถนนชยางกูร
ซึ่งจะมีรถตู้สายนครพนม – มุกดาหาร ขับผ่านทางนี้

ให้บอกกับคนขับว่าไปลงที่พระธาตุพนม
ราคาคนละ 50 บาท

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 – 60 นาที

12.30 น. – 14.00 น. พระธาตุพนมวรมหาวิหาร

พระธาตุพนมวรมหาวิหาร อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดที่ทุกคนต้องมากราบสักการะกัน
ในส่วนตัวองค์พระธาตุนี้ มีลักษณะคล้ายเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมโดดเด่นด้วยลาย
ด้านบนยอดพระธาตุมีฉัตรทองคำและมีพลอยประดับอย่างสวยสดงดงาม

“องค์พระธาตุพนม” ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
ภายในพระธาตุที่นี่ก็ได้บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอกส่วนหน้า) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ช่วงที่ผมไปเนี่ย แดดแรงมาก
อย่าลืมพกร่ม แว่นตากันแดดมาด้วยนะ

ท้าวเวสสุวรรณอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
ที่หลาย ๆ คนนิยมมาขอโชคลาภกันเป็นจำนวนมาก

หลังจากที่ผมอยู่ที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ
ผมก็มารอขึ้นรถตู้กลับที่หน้าบริเวณวัด
ราคา 50 บาท เหมือนเดิม

15.40 น. – 16.20 น. Jungle Space Cafe & Bistro

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ผมก็ยืมจักรยานของทางที่พัก (พักกายาเกสต์เฮาส์)
เพื่อเดินทางไปที่ Jungle Space Cafe & Bistro

อีกหนึ่งคาเฟ่เท่ ๆ ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ รายล้อมด้วยภูเขาต้นไม้น้อยใหญ่และสนามหญ้าสีเขียว

ให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
แถมบรรยากาศเงียบสงบมาก ๆ

วันที่ 3

13.00 น. – 13.30 น. ร้านพนม

ในวันที่ 3 วันสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ผมเช็กเอาต์ที่พักแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านพนม

ร้านพนมเป็นกาแฟสด ที่มีเครื่องดื่มมากมายให้ลิ้มลองดื่มกัน
เป็นอีกหนึ่งร้านลับ ๆ ที่รสชาติอร่อยมาก ๆ

คุณแมน เจ้าของร้านสุดหล่อ เป็นทั้งบาริสตาเองและผู้จัดการร้าน
ที่ผันตัวจากมนุษย์เงินเดือนมาทำตามฝันในสิ่งที่ตัวเองรัก

ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

13.45 น. – 14.20 น. ร้านมรุกข

ท้ายสุดนี้ ถ้าไม่ซื้อของฝากอุดหนุนสินค้าท้องถิ่นก็กระไรอยู่
ผมมาซื้อของที่ระลึกที่ ร้านมรุกข

ภายในร้านมีของที่ระลึกวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก

ซึ่งผลิตภัณฑ์เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน
ที่ได้รับความร่วมมือกันระหว่างชุมชน ชาวบ้าน และเจ้าของร้าน ได้อย่างลงตัว

ใส่ถุงผ้า เพื่อช่วยลดจำนวนขยะ

หลังจากนั้นผมก็โทรนัดกับพี่คนขับรถตู้ให้มารับ (เบอร์อยู่บนตั๋วที่ซื้อเมื่อตอนขามา)
เพื่อเดินทางไปสนามบินนครพนม
ราคา 100 บาท เท่าเดิม

15.00 น. – 15.30 น. ลานพญาศรีสัตตนาคราช – สนามบินนครพนม

16.20 น.- 17.30 น. สนามบินนครพนม – สนามบินดอนเมือง

หลังจากนั้นในช่วง 16.20 น. ผมขึ้นเครื่องบินกลับมายังกรุงเทพฯ

สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 3 วัน 2 คืน
ค่าที่พัก คืนละ 690 บาท 2 คืน 1,380 บาท
ค่าเช่าจักรยาน 80 บาท
ค่ารถตู้ เมืองนครพนม – พระธาตุพนมฯ ไป-กลับ 100 บาท
ค่าอาหาร 600 บาท
(รวม 2,160 บาท)

ค่าเครื่องบิน สนามบินดอนเมือง – สนามบินนครพนม ไป-กลับ 2,600 บาท
ค่ารถตู้ ไป-กลับ สนามบินนครพนม – เมืองนครพนม 200 บาท
รวมทั้งหมดประมาณ 4,960 บาท

หวังว่าคอนเทนต์นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน
สามารถนำแพลนเที่ยวนี้ ไปปรับใช้ให้เหมาะกับแพลนเดินทางของทุกคนได้เลย
สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนได้ลองมาท่องเที่ยววิถีกรีน ๆ ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมกันดูนะครับ
ผมเชื่อว่าใครก็ทำได้ 🙂 ยิ้มแบกเป้เที่ยว

[nextend_social_login provider="facebook"]

กรุณาลงทะเบียนเพื่อร่วมโหวต !

Total 202 Votes
0

Tell us how can we improve this post?

+ = Verify Human or Spambot ?

Wanderers